“จากการพูดคุยกับหลายๆ โครงการ ตอนนี้ได้มีการชะลอกันไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่าจะยาวนานแค่ไหน แต่ที่คาดกันก็ประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้นก็จะมีการประเมินกันอีกครั้งหนึ่งว่าจะดำเนินการอะไรอย่างไรต่อไป” นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวและว่า
ไม่เฉพาะโครงการที่ลงทุนเจาะตลาดจีนเท่านั้นที่ซบเซา โครงการที่สร้างขายคนไทยเองก็มีการชะลอตัวเช่นกันตั้งแต่ปลายปี 2562 ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงขณะนี้ มีโครงการยื่นขอจัดสรรแค่โครงการเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ เนื่องจากนักลงทุนทั้งที่เป็นนักลงทุนท้องถิ่นและส่วนกลางคิดว่าการลงทุนด้านอสังหาฯ มีความเสี่ยงสูง จึงได้ชะลอการลงทุนออกไปก่อน แต่สิ่งที่กังวลคือโครงการที่กำลังลงทุนและอยู่ระหว่างการขายจะต้องปรับเปลี่ยนและวางแผนใหม่ เพราะไม่แน่ใจว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นจะนานแค่ไหน เพราะการแพร่ระบาดไม่ได้จำกัดเฉพาะในจีนเท่านั้น ได้แพร่กระจายไปยังประเทศต่างๆ ทั้งยุโรป อเมริกา หากควบคุมไม่ได้ ก็จะส่งผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวยุโรปซึ่งเป็นตลาดหลักของภูเก็ต ต่อไปเมื่อยุโรปไม่เดินทางท่องเที่ยว ภูเก็ตก็จะกระทบหนัก พนักงานไม่มีรายได้ ไม่มั่นใจในรายได้ที่เกิดขึ้น ก็จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ผลกระทบก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ตอนนี้ทำได้แค่ประคองให้ธุรกิจเดินต่อไปได้เท่านั้น
นายพัทธนันท์ ยังกล่าวถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตที่ลงทุนเพื่อขายให้แก่คนจีน ว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โครงการคอนโดมิเนียมที่ขายโดยการันตีรายได้กลับคืนให้ผู้ลงทุน 80% ของโครงการที่ลงทุนในภูเก็ตสร้างเพื่อขายให้แก่คนจีนทั้งนั้น ไม่น่าจะต่ำกว่า 10 โครงการ มูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท โครงการละ 300-400 ยูนิต มีทั้งที่ขายไปแล้วอยู่ระหว่างการโอน และยังไม่สามารถโอนได้เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลจีนที่ไม่ให้นำเงินออกจากประเทศจากเศรษฐกิจของจีนที่ซบเซา และไม่สนับสนุนให้คนจีนออกมาลงทุนอสังหาฯในต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาฯ ที่ขายจีนโดยเฉพาะ ส่วนโครงการที่กำลังจะลงทุนเพื่อขายคนจีนได้มีการชะลอโครงการไปแล้วหลังการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แม้แต่โครงการของนักงทุนท้องถิ่นที่สร้างขายคนไทยด้วยกันเองก็มีการชะลอตัวในขณะนี้เช่นกัน
นายพัทธนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจอสังหาฯ ในภูเก็ตมีมูลค่าการลงทุนสูงถึงปีละ 3 หมื่นล้านบาท คาดว่าในปีนี้การลงทุนในภูเก็ตน่าที่จะหายไปกว่าหมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน แต่โดยส่วนตัวคิดว่าการลงทุนอสังหาฯ ในภูเก็ตยังเดินต่อไปได้ โดยเฉพาะตลาดคนไทยยังมีโอกาสทางการตลาด เพียงแต่ผู้ประกอบการจะต้องปรับเปลี่ยนการทำตลาดให้สอดคล้องต่อตลาดที่เปลี่ยนไป ในขณะนี้ที่กลุ่มตลาดระดับกลางถึงล่างเริ่มมีปัญหารายได้หด ธนาคารไม่ค่อยปล่อยสินเชื่อ ปรับเปลี่ยนมาทำตลาดในส่วนของตลาดระดับบนที่ราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ที่เป็นในลักษณะของพลูวิลล่ามากขึ้น ความต้องการของตลาดยังมีอยู่และเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงอีกด้วย ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการหลายรายในภูเก็ตเริ่มทำตลาดในส่วนนี้บ้างแล้ว แต่จะไม่ทำโครงการที่มีขนาดใหญ่ จะเป็นโครงการขนาดย่อมๆ